หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ใครอยากไปอเมริกา ยกมือขึ้น part 1

เมื่อเราคิดที่จะเข้าอเมริกา อย่่างแรกนั้นเราจะต้องทำ Passport ก่อนซึ่งสามารถทำได้ที่ศูนย์ราชการ
ตอนที่ผมทำนั้น ผมทำที่ห้างโดยเป็นศูนย์รวมหน่วยราชการมาไว้ท่ีเดี่ยว 
ค่าใช้จ่ายก็ 1035 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
   - Passport     1000 บาท
   - ค่าทำเนียม        35 บาท

จากนั้นก็รอรับ Passport ซึ่งหน่วยงานจะส่งมาให้เราทางไปรษณีย์ไม่เกิน 7 วัน

ต่อไปเราก็เตรียมเข้าสู่ขั้นตอนที่ผมว่าน่าจะวุ่นวายที่สุดๆโดยผมขออ้างอิงเนื้อความจากบทความที่ ดร.สิระ สุทธิคำ http://www.englishthailand.com/?p=335 เขียนไว้ว่า

นายเอ็ดเวิร์ด เวอร์ลี กงสุลใหญ่สหรัฐฯ ที่กรุงเทพฯ กล่าวว่าเนื่องจากมีคนไทยจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ประสงค์จะขอวีซ่าไปยังสหรัฐฯ แผนกกงสุลจึงพยายามหาวิธีย่นย่อเวลาในการรอวีซ่า และทำให้ขั้นตอนการดำเนินการมีประสิทธิภาพมากขึ้น นายเวอร์ลีกล่าวว่าสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ ผู้เดินทางต้องขอวีซ่าแต่เนิ่นๆ ในกรณีที่ท่านประสงค์จะเดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อการท่องเที่ยว เราแนะนำให้ท่านขอวีซ่าอย่างน้อยแปดสัปดาห์ก่อนการเดินทาง และถ้าท่านประสงค์จะเดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อศึกษาต่อหรือทำธุรกิจ ท่านควรขอวีซ่าอย่างน้อยสี่สัปดาห์ล่วงหน้า

อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ขั้นตอนการดำเนินการเร็ว ขึ้น คือการกรอกแบบฟอร์มขอวีซ่า DS –156 (ตอนนี้ทางสถานทูตได้ออก DS - 160) ในระบบออนไลน์ โดยผู้เดินทางสามารถกรอกแบบฟอร์มดังกล่าวและอ่านรายละเอียดการกรอกแบบฟอร์ม โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ที่อินเตอร์เน็ตเว็บไซต์ http://evisaforms.state.gov และยังสามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการขอวีซ่าสหรัฐฯ ได้ที่ http://bangkok.usembassy.gov/niv_howtoapply.html และ เวลานัดสัมภาษณ์ ลองเข้าไปแล้วกันนะครับ

นายเวอร์ลีกล่าวว่าเราแนะนำให้ทุกคนใช้แบบฟอร์มขอวีซ่าออนไลน์ในขณะนี้ มีสถานทูตสหรัฐฯ หลายแห่งทั่วโลกที่กำหนดให้ผู้ข้อวีซ่าใช้แบบฟอร์มดังกล่าวเท่านั้น เราเห็นข้อดีของการใช้แบบฟอร์มออนไลน์อย่างชัดเจน แบบฟอร์มนี้ช่วยประหยัดเวลาและทำให้เราออกวีซ่าได้เร็วขึ้น เรายังเพิ่มเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ประจำช่องหน้าต่าง และดำเนินการด้านอื่นๆ เพื่อขยายแผนกวีซ่าออกไป เพื่อที่เราจะสามารถให้บริการที่ดีขึ้นแก่ผู้ขอวีซ่าชาวไทยมากขึ้น
เนื่องจากโครงการขยายแผนกวีซ่าครั้งนี้ สถานทูตสหรัฐอเมริกาจึงจำเป็นต้องจำกัดการสัมภาษณ์และการออกวีซ่าในช่วงที่ มีการก่อสร้างภายในตั้งแต่วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายนถึงวันพุธที่ 6 กรกฎาคม ศกนี้ ในช่วงดังกล่าว ถ้าท่านประสงค์จะขอวีซ่าเป็นกรณีฉุกเฉินด้วยเหตุผลทางการแพทย์หรือเหตุผล ด้านมนุษยธรรม กรุณาส่งอีเมล์ถึงVisasBKK@state.gov อย่างไรก็ตาม แผนกวีซ่าจะยังรับแบบฟอร์มขอวีซ่าระหว่างเวลา 7.00 – 9.00 . ต่อไปตามปกติ

วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

หาอะไรไปเรืื่อยๆๆ

วันนี้ก็หาข้อมูลของพี่ๆ ที่เค้าเคยทำเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ได้ ลิงค์ที่หน้าสนใจมาหลานอันเลย

สนใจอันไหนก็คลิกเข้าไปดูได้เลยนะครับ



วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Push messages that automatically launch a Java mobile application

เรียนรู้การส่ง sms ใน J2ME

Ref : http://www.javaworld.com/javaworld/jw-04-2006/jw-0417-push.html?page=1

หรือจะเรียนจากโค้ดที่อยู่บน internet ทั่วไป

วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

จักการให้ Eclipse รัน Emulator ได้

Finally..how to install J2ME on Eclipse on a Mac by Cobi Blog

  • Ref : http://www.cobiinteractive.com/blog/?p=200



I’ve been programming in J2ME for a while, and getting it to work was never a simple task. It was also a mission to get it to work on a mac, and the non standard sun emulators were terrible. I’ve recently started a J2ME project again, and trying to stay all OSX, I was thrilled to find that there was a Java ME SDK 3.0which worked on a mac. I installed it and it just worked. That’s all good and stuff..but the IDE is terrible and was looking for a way to get it to work in eclipse. I got it to work with little effort. Here’s how.

I assume you have the J2SE SDK and Eclipse already installed.

  • Download the Java ME SDK 3.0 for Mac. Install


  • Right click on the .app file of java ME SDK 3.0 and select “Show Package Contents”
  • Copy the Contents folder to a directory you wish to keep the J2ME WTK. I copied it in my Macintosh HD.
  • Rename the Contents folder to something relevant. I renamed it WTK3.
  • In Eclipse, goto Help->Install New Software.
  • Click Add and add MTJ with location http://download.eclipse.org/dsdp/mtj/updates/1.0.1/stable/
  • Select the Mobile Tools for Java, and click Finish to install.
  • Once installed, check your preferences. You should now have a Java ME preference section.


  • Select Java ME.
  • Set you WTK Root directory by browsing to find your javamesdk folder in your new WTK folder. In my case /WTK3/Resources/javamesdk.


  • Select Device Management. Select Import.
  • Choose your WTK3 directory and click finish. This will search the whole directory of any device profiles. You should now have a list of devices in your Device Management list.
  • Download Antenna and Proguard and set the directories in the Java ME preferences.
  • Done.

    My instructions are a bit rough, but hope it helps.

    วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

    เริ่มต้นเขียน J2ME บน Netbeans IDE 6.8

    ขัันแรกนั้นเราจะต้องลงตัว Emulator ก่อนเพราะว่าจะได้ทดสอบโปรแกรมที่เราเขียนขึ้นมาได้ โดยตัว Emulator ที่ต้องใช้นั้นก็คือ

    1. Wireless Toolkit 2.5
    2. S60 Platform SDK เป็น Emulator ของ Nokia โดยสามารถดาวโหลดได้ที่เว็ปของ Nokia เลย

    ถ้าเป็นจอสัมผัส จะใช้ S60_5th_Edition ในการทดสอบ
    ถ้าเป็นจอธรรมดา จะใช้ S60_3rd_MIDP_SDK_FP1 ในการทดสอบ
    ซึ่งเครื่องที่ใช้ทดสอบนั้น ผมได้ใช้โทรศัพท์ Nokia N73 ME เป็นตัวทดสอบ แต่เพื่อนก็สามารถใช้กับรุ่นอื่นๆได้เหมือนกัน ส่วน Wireless Toolkit 2.5 หาโหลดใน google เองแล้วกัน

    ถ้าเราไม่มีตัว netbeans ให้ลงก่อน

    จากนั้นเราก็ Install ทั้งสองตัวลงไป

    การเซ็ตค่าให้ netbeans รู้จักนั้นให้เราเข้าไปใน folder ของตัวEmulator Nokia ที่เราได้แตกไว้ ให้หาไฟล์ชื่อ S60_3rd Ed_ MIDP_SDK_FP1_InstallationGuide_1.01.pdf (เฉพาะใน 3rd เท่านั้น) คิดว่า 5th นั้นคงเซ็ตค่าให้หมดแล้ว


    เริ่มต้นเขียนโปรแกรม
    1. File >> New Project >> JAVA ME >> Mobile Application
    2. ตั้งชื่อโปรเจคที่ Project Name
    2.1 เซ็ต main โปรเจคให้เลยหรือเปล่า
    2.2 สร้าง Hello MIDLet ให้ด้วยหรือเปล่า
    3. ให้เราติ๊กถูก ทุกอัน เพื่อจะได้ศึกษาโปรแกรมดูก่อน
    4. กด Finish

    พอแค่นี้ก่อนเดี่ยวจะมาอัฟรูปให้ที่หลังนะครับ